Waterfall Model หรือ ทฤษฎีแบบจำลองน้ำตก เป็นการศึกษาถึงความเหมาะสม
กำหนดปัญหา หรือการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study)
เป็นหน้าที่ของนักวิเคราะห์ระบบ ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ จะเน้นศึกษาใน 5 ประการ คือ
1. ความเหมาะสมทางด้านเทคนิค (Technical Feasibility) - ศึกษาด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เหมาะสมหรือไม่
2. ความเหมาะสมทางด้านการปฏิบัติงาน (Operational Feasibility) - การปฏิบัติงานซ้ำซ้อนหรือไม่ ตรงหรือไม่
3. ความเหมาะสมทางด้านการเงิน (Financial Feasibility) - เปรียบเทียบความคุ้มค่า ผลตอบแทน ค่าใช้จ่าย
4. ความเหมาะสมทางด้านเวลา (Schedule Feasibility) - พิจารณาเวลาในการสร้างระบบงาน การใช้เวลา
5. ความเหมาะสมทางด้านบุคลากร (Human Feasibility) - ดูความพร้อมของบุคลากร การพัฒนาบุคลากร
คุณลักษณะของ Waterfall Model
•เป็น Seriesของขั้นตอนการทำงาน คล้ายสายงานการผลิต (Product Line)
•แต่ละขั้น หน้าที่และProduct ถูกกำหนดอย่างชัดเจน
•Product ส่วนใหญ่เป็นเอกสาร (Document)
•Productที่ผลิตในแต่ละขั้นจะเป็นพื้นฐานสำหรับงานขั้นต่อไป
•สามารถตรวจสอบความถูกต้องของงานในแต่ละขั้นได้
ข้อดีของ Waterfall Mode
แบ่งงานยากให้เป็นงานที่เล็ก ง่ายต่อการจัดการ
มีการกำหนดProductที่ต้องส่งมอบในแต่ละงาน อย่างชัดเจน
ข้อจำกัดของ Waterfall Model
ถ้า ค้นพบข้อผิดพลาดของขั้นที่เสร็จสิ้นแล้ว ไม่สามารถแก้ไขได้ การแก้ไขจำเป็นต้องเริ่ม
รอบ (Iteration) ใหม่
ในความเป็นจริง หลังการทำงานในแต่ละขั้นควรสามารถย้อนไปแก้ไขความผิดพลาดในขั้นใด
ใดก็ได้ก่อนหน้า
ดังนั้นในทางปฏิบัติ ขั้นตอนการทำงานใน Waterfall จึงไม่เป็นเชิงเส้น (Linear)
ข้อเสียหลักคือ ลูกค้าเห็นและทดลองใช้Software ก็ต่อเมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย หากมีบางอย่าง
ที่ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า การแก้ไขยาก แพง เสียเวลา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/แบบจำลองน้ำตก